Cusco Thailand ชุดค้ำตามจุดต่างๆขอรถยนต์

สำหรับสาย Track ต้องมีจริงๆ กับ Anti Roll Bar (Stabilizer) ช่วยลดอาการ Roll ของตัวรถและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งให้ดียิ่งขึ้น

แต่ ถ้าปรับเซตไม่ถูกต้องหรือไม่เข้าใจหลักการทำงานของมัน อาจทำให้รถขับแย่กว่าเดิมก็เป็นไปได้

ด้วยหลักการทำงานของกันโครง จะทำหน้าที่เหมือน Spring ซึ่งจะทำงานตรงกันข้ามกัน

ระหว่างซ้าย กับ ขวา (ดูในรูปที่สอง)

ในจังหวะที่รถเข้าโค้ง น้ำหนักของรถจะถูกถ่ายเถมาอีกฝั่งของรถที่กำลังเลี่ยว อาการ Roll

(ยกตัวอย่างเข้าโค้งขวา น้ำหนักจะถูกถ่ายเถมาฝั่งซ้าย)

ทำให้ภาระของยางของล้อที่อยู่ข้างนอกโค้งมีมากกว่าล้อข้างที่อยู่ในโค้ง

(ในตัวอย่างคือล้อซ้ายจะรับภาระมากกว่าล้อขวา)

ซึ่งถ้าอาการ Roll ของตัวรถมากเกินไป นั้นหมายความว่ายางที่อยู่ล้อข้างนอกโค้งก็จะรับภาระไปเต็มๆ ซึ่งอาจทำให้ยาง Over Limit และยางข้างในโค้งก็อาจเกิดอาการลอย ไม่มีแรงกด ทำให้ยางเสีย Grip ลงไปอีก อาการที่จะเจอบ่อยๆคือ Understeer

ซึ่งที่กล่ามาคือเจ้าตัว Anti Roll จะช่วยลดอาการโครงของตัวรถ ทำให้ น้ำหนักไม่ถูกถ่ายเทมากเกินไป จึงจะทำให้เราสามารถใช้ประสิทธิภาพของยางทั้งนอกและในโค้ง ได้อย่างเต็มที่

ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ ก็คงคิดว่างั้นใส่เลย ขับดีขึ้นแน่นอน ……

แอดมินสุดหล่อ บอกเลยว่าหยุดก่อน !!!

เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ขนาดของ Anti Roll Bar ที่ใหญ่ขึ้นจะส่งผลให้รถเข้าโค้งได้ดี

แต่มันขึ้นอยู่กับยาง หรือ การปรับเซตโช๊คที่ใช้ด้วย

สมมุติ ถ้าเราใช้ยางที่ไม่ได้มี Grip ที่สูง หรือ โช๊คที่มีค่า K สปริงสูงๆ แล้วใส่Anti Roll Bar ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีก >>> อาการที่จะเจอคือ รถของท่านจะกลายเป็นไม้กระดาน

เวลาเข้าโค้งแถบจะไม่มีอาการ Roll อย่างแน่นอน ซึ่งหมายความว่า Weight Transfers ของรถจะไม่มี (เหมือนขับ KO CART) สิ่งที่จะเจอบ่อยๆคือ เลี้ยวไม่เข้า Understeer อีกตามเคย

ใครอ่านมาถึงตรงนี้ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าสิงที่สำคัญคือ หลักการทำงานของระบบช่วงล่างทุกอย่างต้องเหมาะสมกัน และต้องปรับเซตให้เหมาะสมอีกด้วย